วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ใบงานที่ 2 : ปืนคาบศิลา

ปืนคาบศิลา : musket

ปืนคาบศิลา (อังกฤษ: musket) เป็นปืนยาวชนิดหนึ่งและเป็นต้นแบบของปืนไรเฟิลในปัจจุบันด้วย ไม่มีผู้ทราบว่าใครประดิษฐ์ขึ้น แต่ว่าในเอกสารทางการทหารของจีนได้มีการกล่าวถึงอาวุธชนิดหนึ่งเรียกว่า "หั่วหลงจิง (龙经)" ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 14 ในแรกเริ่มปืนคาบศิลาไค้มีการออกแบบให้ใช้กับทหารราบเท่านั้นและได้มีการปรับปรุงขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรม เช่นมีเกลียวในลำกล้อง การมีกล้องเล็ง มีกระสุนปลายแหลมซี่งแต่เดิมนั้นเป็นลูกกลมๆ และในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ก็มีการประดิษฐ์ปืนชนิดที่บรรจุกระสุนทางพานท้ายปืนซึ่งแต่เดิมนั้นบรรจุกระสุนทางปากลำกล้องเข้ามาแทนที่


หลักฐานการใช้

ดินปืนค้นพบโดยชาวจีนโดยบังเอิญในสมัยราชวงศ์จิ้นตะวันตก (ซีจิ้น) แต่ยังไม่ได้มีการใช้อย่างจริงจัง คงนำมาใช่ในลักษณะของพิธีกรรมขับไล่สิ่งชั่วร้าย และงานเฉลิมฉลองอย่างดอกไม้ไฟนั่นเอง แต่ชาวจีนเริ่มจะใช้ดินปืนอย่างจริงจัง ในสมัยราชวงศ์ซ่ง เพราะมีหลักฐานว่ากองทัพราชวงศ์ซ่งได้ประดิษฐ์อาวุธระเบิดแบบพกพา (ระเบิดขว้าง) ปืนไฟแบบจุดสายชนวน (แต่มิได้ใช้ระบบไกยิงอย่างปืนไฟในยุคหลัง เพียงแต่ใช้การจุดสายชนวนเท่านั้น) และเครื่องยิงที่ใช้กระสุนยิงแบบอัดดินปืนแล้ว แต่สาเหตุที่ดินปืนแพร่หลายไปสู่ดินแดนตะวันตกนั้น มีเหตุจากการรุกรานของพวกมองโกล เมื่อพวกมองโกลพิชิตแผ่นดินจีนทางเหนือได้สำเร็จแล้ว ก็ได้นำบรรดาช่างปืนใหญ่และปืนไฟจากจีนไปเป็นกำลังสำคัญในการขยายดินแดน โดยพวกมุสลิมในตะวันออกกลางเป็นชนกลุ่มแรกที่ได้ใช้อาวุธดินปืนในการสงคราม จากนั้นจึงแพร่หลายเข้าไปในยุโรป สำหรับรูปแบบอาวุธปืนไฟทรงกระบอกนั้น มีมาแต่เริ่มในสมัยซ่งแล้ว แต่เริ่มมีการประดิษฐ์อาวุธปืน โดยอาศัยระบบไกยิง (Trigger) ขึ้นในประเทศจีนในสมัยราชวงศ์หมิง ปืนคาบศิลาเริ่มปรากฏขึ้นในประเทศสเปน แต่จะรู้จักกันดีในนามของ ปืนคาบชุด (MATCH LOCK) ในทศวรรษที่ 1500 แต่ทหารเจนนิสซารี่ของจักรวรรดิออตโตมานก็ปรากฏว่ามีการใช้ปืนคาบศิลาในช่วงทศวรรษที่ 1440 แล้ว เทคโนโลยีปืนคาบศิลาได้พัฒนาขึ้นในยุโรปตะวันตกอย่างรวดเร็ว และเกิดอาวุธที่มีประสิทธิภาพการทำลายล้างมากกว่าแต่ก่อนทำให้เกิดการแสวงหาวัตถุดิบดินปืนซึ่งทำให้เกิดลัทธิจักรวรรดินิยมขึ้น









วิวัฒนาการของปืนคาบศิลา

       ในคริสต์ศตวรรษที่15 ทหารราบของยุคกลางได้มีการใช้อาวุธดินปืนชนิดหนึ่งเรียกว่า "ปืนใหญ่ที่ยิงด้วยมือ" ถึงอย่างไรก็ดีอาวุธดังกล่าวก็ยุ่งยากในการใช้ซึ่งต้องใช้เวลานานในการบรรจุกระสุนปืนและไม่ค่อยจะมีประสิทธิภาพในการยิง เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 16 ก็เริ่มมีการประดิษฐ์ปืนสั้นขึ้นและในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 17 ปืนคาบศิลาก็ได้เข้ามาแทนที่หอกยาวซึ่งเคยเป็นอาวุธหลักของทหารราบในสมัยนั้น ปืนคาบศิลาในสมัยศตวรรษที่ 16 เรียกว่า อาร์กิวบัส (Arquebus) หรือปืนคาบชุด กลไกของปืนชนิดนี้คือใส่ดินปืนลงบนจานดินปืนแล้วใส่กระสุนกลมๆ และดินปืนทางปากกระบอกปืนแล้วกระทุ้งให้ดินปืนและกระสุนไปอยู่ในรังดินปืนทางท้ายลำกล้อง เมื่อเหนี่ยวไกก็จะมีเหล็กรูปงูตีที่จานดินปืนจะเป็นการจุดสายชนวนไปที่ท้ายลำกล้องทำให้ดินปืนระเบิดขึ้น แรงระเบิดจะทำให้กระสุนพุ่งออกไปทางปากลำกล้องอย่างรวดเร็ว


ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ก็มีการพัฒนาปืนคาบชุดเป็น "ปืนสั้นแบบลูกล้อ" (Wheellock) แต่อย่างไรก็ดีปืนคาบชุดก็มีข้อเสียอยู่มากเช่น บรรจุกระสุนช้า มีความแม่นยำน้อย ไม่สามารถใช้ได้เมื่ออากาศชื้นเพราะจะทำให้จุดชนวนดินปืนไม่ติด แต่อย่างไรก็ตามปืนคาบชุดก็เป็นสิ่งที่เปลี่ยนโฉมหน้าสงครามของยุโรป และทำให้กษัตริย์ยุโรปมีสถานภาพมั่นคงขึ้นเพราะทำให้มีผู้ก่อกบฏยากเนื่องจากสงครามที่ใช้ปืนไฟจะเสียค่าใข้จ่ายในการรบสูงมาก ปืนคาบชุดสามารถทำให้อาณาจักรที่สำคัญล่มสลายเช่นอินคา เอซเท็คเป็นต้นแต่มันก็สามารถสร้างอาณาจักรให้มีเอกราชได้ เช่นจักรวรรดิรัสเซียสามารใช้ปืนไฟขับไล่มองโกลออกไปได้แล้วสถาปนาราชวงศ์โรมานอฟ(romanov) ขึ้น ต่อมาได้มีการดัดแปลงปืนคาบชุดให้พกพาได้สะดวกขึ้นเป็นปืนสั้นซึ่งเป็นที่นิยมของทหารม้าในสมัยนั้น





ในช่วงกลางศตวรรษที่ 17 ได้มีการพัฒนาปืนไฟแบบคาบชุด ให้เป็นปืนคาบศิลา (Flintlock อ่านว่าฟรินท์ล็อก) ขึ้น ซึ่งมีกลไกคือใส่หินเหล็กไฟที่ตัวนกของปืนแล้วบรรจุกระสุนและดินปืนทางปากกระบอกแล้วกระทุ้งจากนั้น เมื่อเหนี่ยวไกเหล็กรูปนกสับหินเหล็กไฟทำให้เก็ดประกายไฟลามไปที่รังดินปืนทางท้ายกระบอกทำให้ดินปืนระเบิดและผลักกระสุนให้พุ่งไปข้างหน้า ต่อมาอาวุธชิ้นนี้ได้กลายเป็นอาวุธหลักของกองทัพยุโรปและอเมริกา เมื่อศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมได้มีการประดิษฐ์เกลียวในลำกล้องทำให้กระสุนพุ่งไปข้างหน้าในแนวตรง มีพิสัยไกลกว่าเดิม และมีความแม่นยำมากขึ้น และมีการประดิษฐ์แก๊บในตัวปืนทำให้ไม่ต้องคอยใส่ดินปืนอีกต่อไปเห็นได้จากสงครามไครเมีย การมีกล้องเล็งซึ่งทำมองเห็นเป้าหมายในระยะที่ใกล้และแม่นยำทำให้เกิดหน่วยซุ่มยิงขึ้น เห็นได้จากสงครามกลางเมืองอเมริกา








วิดีโอการบรรจุกระสุนปืนคาบศิลาจากภาพยนตร์  เรื่อง God and Generals




อ้างอิง














ใบงานที่ 4 : Blog